โดรน ภาค 1
จุดเริ่มต้น
(Drone: Part 1-The
Beginning)
เรื่องโดย
ศ.ดร.ปิติ สุคนธสุขกุล
(ตีพิมพ์ในนิตยสารคู่บ้าน ฉบับที่ 50)
หลายคนที่ติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีมาตลอด
น่าจะคุ้นเคยกับคำว่า “โดรน (Drone)”
เป็นอย่างดี ผมไม่แน่ใจว่าราชบัณฑิตได้ออกคำจำกัดความของคำๆนี้ออกมาแล้วหรือยัง
อย่างไรก็ตาม ผมจะขอเรียกทับศัพท์ไปก่อนเพื่อให้ง่ายต่อการเขียน คำว่า โดรน
มีความหมายตามพจนานุกรมต่างประเทศว่า “ผึ้งตัวผู้ที่มีหน้าที่ผสมพันธุ์เพียงอย่างเดียว
ไม่ต้องทำงานและไม่ต้องออกไปหาน้ำผึ้ง”
แต่ ในปัจจุบัน โดรนหมายถึงอากาศยานไร้คนขับ
ที่ควบคุมการเคลื่อนที่ด้วยระบบ Global
Positioning System (GPS)
ระยะไกล โดยมีหรือไม่มีคนควบคุม
โดยประวัติศาสตร์ของโดรนนั้นเริ่มต้นพัฒนาใช้ในกิจการรบทางอากาศเป็นหลัก
ซึ่งอากาศยานรบไร้คนขับนั้นถือหนึ่งในยุทโธปกรณ์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
เหตุผลง่ายๆก็คือความจริงที่ว่าเครื่องบินรบนั้นต่อให้มีศักยภาพสูงขนาดไหนก็ตามก็ต้องมีคนขับ
ทุกครั้งที่เครื่องบินเหล่านี้ออกปฏิบัติการรบ
ความเสี่ยงที่จะถูกยิงตกนั้นมีอยู่ตลอดเวลา
การสูญเสียเครื่องบินนั้นไม่เท่าไรแต่การสูญเสียคนขับถือว่าเป็นสิ่งทำใจได้ยาก
เนื่องจากคนขับเครื่องบินรบที่เก่งมีต้นทุนในการฝึกฝนที่สูงมากและหาคนชดเชยได้ยาก
นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมโดรนจึงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
เพื่อให้การรบทางอากาศในอนาคตเป็นแบบไร้คนขับอย่างสิ้นเชิง
หากให้สืบค้นประวัติศาสตร์ของโดรนกันจริงๆนั้น
ข้อมูลจะเยอะมากและลำดับเวลาค่อนข้างยาก ในฉบับนี้ผมจะขอเล่าเรื่องราวของโดรน โดยอ้างอิงจากโดรนที่มีชื่อเสียงและถือว่าเป็นต้นแบบของโดรนสมัยใหม่
ลองอ่านดูนะครับ
Unmanned
Balloon (1849) : ถ้าผู้อ่านศึกษาประวัติศาสตร์ของโดรนจากหลายแหล่ง
ส่วนมากจะยกย่องให้“บอลลูนไร้คนขับ”เป็นต้นแบบแรกของโดรน โดยในปี 1849 ประเทศออสเตรียใช้บอลลูนไร้คนขับ (Unmanned Balloon) บรรทุกระเบิดจำนวน 200 ลูก ในการโจมตีในกรุงเวนิช
ประเทศอิตาลี แต่ต้องถือว่าไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากกระแสลมเข้ามามีส่วนทำให้ทิศทางการเคลื่อนที่ของบอลลูนผิดออกไปจากเส้นทางที่กำหนดไว้
และการโจมตีพลาดเป้าหมายไปหลายจุด
Kettering
Bug (1917): ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1917 บริษัท Dayton-Wright
Airplane ได้นำเสนอโครงการตอปิโดอากาศ
(Aerial Torpedo) ที่ชื่อว่า Kettering Bug ซึ่งง่ายๆก็คือจวรดตอปิโดติดใบพัดบินออกที่สามารถบินไปด้วยตัวเอง
โดย Kettering Bug
จะออกตัวด้วยการวิ่งไปตามรางก่อนทะยานตัวขึ้น
เมื่อถึงเป้าหมายเครื่องยนก็จะดับตัวลง ปีกหลุดออก
เหลือแต่ตอปิโดทิ้งตัวดิ่งลงสู่เป้าหมายที่ต้องการ โดยน้ำหนักระเบิดที่ Bug สามารถบรรทุกได้ในยุคแรกจะอยู่ที่ประมาณ 180 ปอนด์ แต่ด้วยการที่ประสิทธิภาพด้านความแม่นยำของทั้งBug และ Aerial
Torpedo นั้นมีน้อยมาก
ทำให้โครงการดังกล่าวต้องปิดตัวลงชั่วคราว
Bat
and Robin (1930-40): Bat และ Robin ถือเป็นรุ่นที่สองและสามของ
Bug มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า Glide Bomb (GB1 และ GB4) หลักการทำงานของ
Bat หรือ GB1 คือการใช้เครื่องร่อนที่ควบคุมได้จากระยะไกลขนระเบิดขนาด
1000 หรือ 2000 ปอนด์ไปถล่มเป้าหมาย
โดยเครื่องร่อนจะถูกขนโดยเครื่องบิน
B-17 เมื่อบินเข้าไปใกล้ถึงเป้าหมายก็จะทำการปล่อยเครื่องร่อนออกไป
โดยเครื่องร่อนจะถูกควบคุมคลื่นวิทยุ ส่วน Robin
หรือ GB4 ก็มีหลักการทำงานเหมือนกัน
แต่แตกต่างกันตรงการควบคุมผ่านจอโทรทัศน์ที่ติดอยู่หน้าเครื่อง
Firebee
I (1950-70): Firebee
I ได้รับการพัฒนาโดย
บริษัท Ryan
Aeronautical โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเป้าซ้อมรบทางอากาศ
อย่างไรก็ตาม Firebee
I ได้รับการยอมรับว่าเป็นโดรนสมรรถนะสูงตัวแรกและเป็นต้นแบบของโดรนสมัยใหม่ที่ใช้ในปัจจุบัน
โดยมีความสามารถในการบินนานกว่า 2 ชั่วโมงที่ระดับความสูงมากกว่า 60000 ฟุต
และสามารถทำความเร็วกว่า 500 น๊อต ในปี 1972 กองทัพสหรัฐได้จำลองสถานการณ์รบเหนือน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิคของ
Firebee II เทียบกับเครื่องบินขับไล่ F-4 ซึ่งผลการทดสอบพบว่า Firebee II สามารถหลุดเข้าไปทำลายเป้าหมายได้มากครั้งกว่าที่เครื่องบินรบ
F-4 สามารถทำได้ ด้วยการที่โดรนทั้งสองมีสมรรถนะสูงมาก มันจึงถูกนำไปใช้ในงานด้านการสอดแนมเช่นกัน
กล่าวกันว่าโดรนกว่า 3000 ตัวถูกปล่อยออกมาเหนือน่านน้ำของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเก็บข้อมูลสภาพพื้นที่แถบนี้
Predator (1990 to Present): เป็นโดรนรบที่ถือว่าเปลี่ยนโฉมหน้าของการรบทางอากาศอย่างสิ้นเชิง
จากรูปแบบการรบที่มีค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงสูง
ไปสู่รูปการรบที่ควบคุมจากระยะไกลและมีความเสี่ยงต่ำมาก ถึงแม้ Predator ออกบินครั้งแรกในปี 1994
แต่พัฒนาการจริงๆเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงปี 1970 โดย Abraham
Karim (Leading System Corp.)นักพัฒนาอากาศยานชาวอิสราเอลซึ่งย้ายถิ่นฐานมายังประเทศสหรัฐอเมริกาในปี
1980 ได้นำเสนอโดรนสมรรถนะสูงที่เรียกว่า Albatross
ที่สามารถบินได้นานถึง
56 ชั่วโมง
ต่อจาก Albatross ก็เป็น GNAT-750 (พัฒนาโดย
General Atomics) ซึ่งเป็นโดรนที่มีทั้งระบบนำทาง GPS กล้องถ่ายรูปสมรรถนะสูงและอินฟาเรด ที่สามารถบินได้นานถึง 48 ชั่วโมง ในปี 1990 General Atomics ได้เปิดตัว Predator ซึ่งเป็นโดรนที่นอกจากจะปฎิบัติการด้านสอดแนมได้แล้ว
ยังมีสมรรถนะในด้านการรบได้อีกด้วย โดย
Predator นอกจากจะพกพาอุปกรณ์สอดแนมทันสมัยแล้วยังติดตั้งจรวดมิสไซด์
(Hellfires) เพื่อใช้ในการโจมตีเป้าหมายได้อีกด้วย
การติดต่อสื่อสารของ Predator
กับศูนย์ควบคุมทำโดยการเชื่อมต่อทางดาวเทียม
การปฎิบัติการของ Predator
ส่วนมากจะเป็นปฎิบัติการลับ
แต่ที่มีร่ำลือกันมากคือปฎิบัติการสังหารบินลาเดน
ผู้ก่อการร้ายที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ผมขอจบภาคที่
1 ของเรื่องโดรนไว้แต่เพียงเท่านี้
จริงอยู่ว่าโดรนอาจจะมีจุดเริ่มต้นเพื่อกิจการสงคราม แต่ในปัจจุบัน
เราจะเห็นการใช้งานโดรนในเชิงพานิชย์หรือในเชิงสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น
ซึ่งผมจะมาเล่าให้ฟังในฉบับหน้า ขอรับรองว่าน่าติดตามมากกว่านี้แน่นอน สวัสดีครับ
No comments:
Post a Comment